เครป มีมาตั้งแต่เมื่อไหร่อาจไม่มีคำตอบชี้ชัด แต่คำว่า crepes มาจากคำ crispus ในภาษาละติน หมายถึงลักษณะขอบขนมที่ หยิก เป็นลอน ชื่อ เครป จึงกลายเป็นชื่อของขนม ที่เรียกขานกันในคริสต์ศตวรรษที่ 13 เรื่อยมา


          เครป เป็นขนมที่เรียบง่าย ประกอบไปด้วยแป้งสาลี ไข่ น้ำตาล นม เนย นำมาผสมกันแล้วเทลงในกระทะก็ได้แป้งแผ่นกลม สีเหลืองทอง สามารถใส่ไส้เป็นของคาวและหวานได้ตามชอบ ด้วยเหตุที่มีลักษณะทรงกลม สีเหลืองทองคล้ายดวงอาทิตย์นี่เอง ในสมัยก่อนเครปจึงเป็นขนมที่ใช้เสี่ยงทายของสังคมในยุคเกษตรกรรม เชื่อกันว่าถ้าไม่ทำเครปใน วัน ลา ฌองเดอเลอร์ (La Chandeleur) แล้วล่ะก็ ต้นกล้าของข้าวสาลีก็จะเป็นโรคและเหี่ยวเฉาตายไปในที่สุด

ความเชื่อ
ลา ฌองเดอเลอร์ (La Chandeleur) หรือพิธีถวายพระกุมารในพระวิหาร ตามพระธรรมบัญญัติของโมเสส กำหนดให้มารดานำบุตรไปพระวิหารหลังจากเกิดได้ 40 วัน เป็นการถวายบุตรแก่พระผู้เป็นเจ้ารวมถึงการชำระมารดาหลังการคลอดบุตร ตรงกับวันที่ 2 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นช่วงที่ฤดูหนาวกำลังจะผ่านพ้นไปฤดูใบไม้ผลิที่สดใสกำลังจะเข้ามา ระหว่างเปลี่ยนฤดูกาลนี้เองจึงมีคำทำนายที่เชื่อมโยงกับดิน ฟ้า อากาศ อยู่ไม่น้อย

เชื่อกันว่าในงานฉลองนี้หากมีการรับประทานเครปกันจนอิ่ม หนำแล้วล่ะก็ ทุกครอบครัวจะได้มีกินกันตลอดทั้งปีแถมยังมีความสุขร่ำรวยด้วยทรัพย์สินเงิน ทอง

ในวันเดียวกันนี้ มีการเสี่ยงทายด้วยการโยนเครปขึ้นไปในอากาศ โดยให้กำเหรียญทองไว้ในมือซ้าย ส่วนมือขวาจับหูกระทะแล้วโยนเครปขึ้นไปในอากาศ ถ้าขนมตกลงมาในกระทะได้ดังเดิม ผู้เสี่ยงทายก็จะมีเงินใช้ไปตลอดทั้งปี

บางตำราเล่าว่า ให้ซ่อนสตางค์เหรียญทองไว้ในเครปชิ้น แรกที่ทำ แล้วนำไปเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้าภายในห้องนอนของเจ้าของบ้าน เชื่อว่าจะเป็นการเก็บเงิน เก็บทอง เก็บความมั่งมีศรีสุขของครอบครัวเอาไว้ เมื่อถึงงานฉลองลา ฌองเดอเลอร์ปีถัดไป ค่อยเอาเหรียญทองในเครปออกมามอบให้คนยากไร้ที่พบเป็นคนแรก

โชคลาง
หลายคนอาจสงสัยว่าราจะขึ้นเครปมั้ย อย่าลืมว่าดินฟ้าอากาศของยุโรปนั้นแตกต่างจากบ้านเรา เชื่อกันว่าถ้าเครปที่เก็บไว้ในตู้เสื้อผ้า (สัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง) ก็ถือว่าเป็นลางดี

ส่วนความเชื่อนี้ สาวโสดเอเชียอยากลองทำบ้างก็ไม่เสียหาย เล่ากันว่าหญิงสาวคนใดถ้าโยนเครปกลับลงกระทะได้ 6 ชิ้นติดต่อกันจะได้แต่งงานในปีนั้น วันที่ 2 กุมภาพันธ์นี้เตรียมตัวได้เลย

เพราะธรรมชาติเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ไม่สามารถคาดเดาไว้ ด้วยเหตุนี้สังคมเกษตรกรรมที่อาศัยธรรมชาติเป็นปัจจัยจึงมีความเชื่อ คำทำนายที่เชื่อมโยงระหว่าง ดิน ฟ้า อากาศ และพืชพันธุ์ธัญญาหารมากมาย เครป ขนมรูปทรงกลมจึงกลายมาเป็นสัญลักษณ์แทนดวงอาทิตย์ ผู้ให้ชีวิตและแสงสว่าง เปรียบดังพระเยซูผู้ให้ชีวิตและส่องทางสว่างให้กับมวลมนุษย์

ความชอบ
David J Perrot กรรมการผู้อำนวยการ Crepes & Co ร้านเครปชื่อดังในกรุงเทพฯ ที่เริ่มต้นด้วยเมนูเครปไม่กี่ชนิดปัจจุบันมีให้เลือกชิมนับร้อยรายการ กล่าวถึงที่มาของเครปบว่ามีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานหลายพันปี ความจริงแล้วเราพบอาหารที่คล้ายคลึงใกล้เคียงกับเครปในทุกซีกโลก ไม่ว่าจะเป็นแพนเค้ก นาน ปิต้า โรตี ซึ่งมีส่วนผสมของแป้ง ไข่ น้ำตาล นม เนย แตกต่างกันที่วิธีการนำเสนอและส่วนผสมที่ปรุงแต่งกันเข้าไป

แต่ถ้าพูดถึงเครปตำรับดั้งเดิมแล้วมาจากแคว้น Bretagne หรือ Brittany ของฝรั่งเศส เดิมทีรับประทานเครปกันเป็นของหวาน พอมาถึงช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ยามศึกสงครามอาหารการกินขาดแคลน คนฝรั่งเศสจึงทำเครปขึ้นมาเป็นอาหารที่เรียบง่าย จะใส่อะไรลงไปก็ได้ เช่น ชีส หรือ แฮม กินกันเป็นของว่างหรือเอาอิ่มก็ได้ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เครปจึงกลายเป็นทั้งอาหารคาวหวานที่ผู้ปรุงจะใส่อะไรลงไปบนแผ่นแป้งนี้ก็ได้ ขึ้นอยู่กับความชื่นชอบและผลผลิตที่มีอยู่ในท้องถิ่นนั้นๆ

ชื่นชม
จากขนมเสี่ยงทายมากมายไปด้วยความเชื่อและโชคลาง พัฒนามาเป็นอาหารเรียบง่ายที่ใครๆก็สามารถทำเองได้โดยใส่เครื่องปรุงรสได้ ตามใจ ในวันนี้ Crepes & Co มีเมนูเครปให้เลือกชิมทั้งคาวหวานมากกว่า 100 รายการ โดยมีการพัฒนาส่วนผสมของแป้งเครปที่ เดิมมีเฉพาะแป้งสาลีอย่างเดียว ก็นำเอาแป้งข้าวเจ้าเข้าไปผสมด้วยเพื่อทำให้แป้งมีความเบาขึ้น ขณะเดียวกันก็มีการลดสัดส่วนของไข่ และน้ำมันให้น้อยลง แป้งเครปของเครปแอนด์โคจึงเป็นเครปเพื่อสุขภาพและย่อยง่าย เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนในยุคปัจจุบัน

ของหวาน
เครป ร้อนๆ กับไอศครีมนั้นเป็นคู่ที่เข้ากันได้ดีเยี่ยมโดยเฉพาะเมื่อมีซอสผลไม้เข้มข้น ราดลงไปด้วย Framboise เครปร้อนๆ ราดด้วยราพ์เบอร์รี่ซอสรับประทานกับไอศครีมวานิลลา จึงเป็นเครปหวานจานเด็ดที่หลายคนกล่าวขาน เช่นเดียวกับ Chocolat - Orange ที่จับคู่รสชาติได้เข้ากันอย่างเข้มข้น

ส่วนใครที่ชื่นชอบกลิ่นหอม เย้ายวนของเฟลมเบ้แล้วล่ะก็ ที่นี่มีทั้ง Banane Cognac เครปที่มีทั้งกล้วย น้ำผึ้ง วิปปิ้งครีม เฟลมด้วยคอนยัคให้กลิ่นหอมหวาน Flambe Williamine เครปใส่ลูกพีช ไอศครีมวานิลลาราดด้วยซอสช็อกโกแลต เฟลมด้วยลิเคียวร์ เป็นอาทิ

คุณเดวิด บอกกับเราว่า การรับประทานเครปแบบดั้งเดิมนั้น ต้องมีเครื่องดื่มคู่กันคือ แอปเปิ้ลไซเดอร์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ดีกรีน้อยๆ แก้วแรกที่เด็กๆ ได้รับอนุญาตให้รับประทาน ตัวเขาเองก็รับประทานเครปคู่กับแอปเปิ้ลไซเดอร์มาตั้งแต่เด็ก เป็นดื่มแก้วแรกที่ตื่นเต้นทำให้มีความหลังกับเครปไม่น้อยเลยทีเดียว

จากขนมที่มีส่วนผสมง่ายๆที่ผูกพันกับความเชื่อของสังคมเกษตรกรรม กลายมาเป็นอาหารและขนมที่คนทั้งโลกได้ลิ้มรสและชื่นชอบ ด้วยส่วนผสมพื้นฐานที่หาได้ง่าย ใครๆ ก็ทำกินเองได้ ที่สำคัญคือ สามารถใส่อะไรก็ได้ตามที่ชอบ

ที่มา : http://forum.atcomink.com/aocaac/aa-coaaaxei-euecoaaio/